หนูต้องสอบผ่าน
"ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ดวงจันทร์เป็นบริวารของโลก ไม่มีแสงในตัวเอง แต่ที่เรามองเห็นดวงจันทร์สว่างนั้น เกิดจากได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ แล้วสะท้อนมายังโลกนั่นเอง เอาล่ะ ใครมีคำถามอะไรมั้ยคะ" จบประโยคของคุณครู ก็ไม่มีใครกล้ามีคำถามเลยสักคน
"ถ้าไม่มีใครถามอะไร งั้นวันนี้ก็จบเท่านี้ค่ะ เลิกเรียนได้" คุณครูวิชาวิทยาศาสตร์สอนเรื่องของระบบสุริยะจักรวาลในชั่วโมงเรียนของวันนี้ มันช่างดูแปลกใหม่ และน่าสนใจมากๆ จนรู้สึกว่า อยากจะไปท่องอวกาศดูสักครั้ง มันคงสนุกไม่น้อยเลย
"อ่อ ครูลืมบอกไปว่า วันจันทร์ครูจะสอบเก็บคะแนนเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนกันวันนี้นะ" ระหว่างที่คุณครูเก็บของเตรียมไปสอนที่ห้องอื่นต่อ ก็ได้หันมาบอกนักเรียนทุกคนในห้องให้ได้รับรู้ว่า วันจันทร์เตรียมตัวโดนเชือดกันไว้นะ
"ขอบคุณครับ/ค่ะ" นักเรียนทุกคนทำความเคารพคุณครูหลังจากที่คุณครูได้สอนเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สวัสดีค่ะ หนูชื่อ เบส นะคะ ตอนนี้หนูเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 5 ค่ะ ถึงหนูจะยังเด็ก แต่หนูก็มีความคิด และความรับผิดชอบที่โตเกินวัยมากนะคะ หนูเรียนเก่งนะ แต่ก็ไม่ได้เก่งที่สุด แค่สอบได้ติด 1 ใน 5 ของห้องตลอดเท่านั้นเอง
แล้วก็อย่างที่บอกไปค่ะว่า หนูมีความรับผิดชอบที่โตเกินวัย แค่การสอบเก็บคะแนน หนูก็จริงจังมากค่ะ หนูจะทำให้สมกับชื่อเบสที่แปลว่า ดีที่สุด ค่ะ
"เย้ เลิกเรียนแล้ว ไปๆ ไปเล่นโดดยางที่หน้าตึกกัน" เพื่อนในกลุ่มของหนูชวนไปเล่นโดดยาง หลังจากที่เรียนมาทั้งวันแล้ว ต้องไปหาอะไรเล่นคลายเครียดกันค่ะ เห็นเด็กๆกันแบบนี้ ก็เครียดเหมือนกันนะคะ
ถ้าถามว่าเป็นแค่เด็กประถม จะไปเครียดอะไรนักหนา โห อย่าให้ต้องเล่าค่ะ มันจะยาว แต่หนูก็ขอตอบสั้นๆนะคะว่า จะเรียนเยอะไปไหน แล้วบ้าเกรดอะไรนักหนาคะ พวกหนูยังเด็กอยู่เลย จบค่ะ
กลับมาที่การไปเล่นโดดยางต่อนะคะ โดยปกติแล้วกลุ่มของพวกหนูจะมีกันอยู่ 6 คนค่ะ ก็สนิทกันแหละ แล้วก็จะมีทั้งเรียนเก่ง และไม่เก่งปนๆกันไป โดยในกลุ่มหนูจะเรียนเก่งที่สุดค่ะ เรียกว่าเป็นหน้าเป็นตาของกลุ่มในเรื่องการเรียน และอันดับในการสอบเลยทีเดียว แต่ถึงแม้จะเป็นหน้าเป็นตาของกลุ่มในเรื่องการเรียน มันก็มีปัญหาได้ค่ะ
"ไปเล่นกันเถอะ เดี๋ยวเราต้องรีบกลับไปอ่านหนังสือ เพราะวันจันทร์มีสอบเก็บคะแนนนะ" นี่แหละค่ะ ปัญหาของคนที่เป็นหน้าเป็นตาของกลุ่มในเรื่องการเรียน คือแบบมันต้องเก่งไงคะ เข้าใจใช่มั้ยคะ บวกกับที่หนูมีนิสัยที่มีความรับผิดชอบที่โตเกินวัยด้วย มันก็เลยยิ่งต้องมีความรับผิดชอบค่ะ
ยิ่งช่วงสอบกลางเทอม กับปลายเทอมนะคะ ยิ่งหนักเลยค่ะ หนูตั้งใจอ่านหนังสืออย่างกับเด็กมหาลัยเลยล่ะค่ะ หนูเคยได้ยินมาว่า เด็กมหาลัยอ่านหนังสือเยอะมาก นอนกันดึกๆ ก็ไม่รู้ว่าจริงมั้ยนะคะ แล้วจะว่าอ่านหนังสือจนเครียดมันก็เครียดนะคะ แต่มันจะเครียดยิ่งกว่า ถ้าหนูไม่อ่านหนังสือ แล้วทำข้อสอบไม่ได้ แล้วคะแนนตก เกรดตก โอย หนูยอมไม่ได้หรอกค่ะ
"ไปเล่นแปปเดียวเองเบส ไม่ไปจริงๆเหรอ" เพื่อนอยากให้หนูไปเล่นด้วย เพราะถ้าไปไม่ครบ 6 คน มันก็ไม่สนุก
"ไม่ล่ะ เดี๋ยวเอาไว้คราวหน้าละกันนะ ไปเล่นกันเถอะ" ถึงแม้หนูจะพูดเหมือนไม่สนใจเพื่อน ไม่รักเพื่อน แต่เพื่อนก็เข้าใจหนูนะคะ เพราะหนูก็มีแค่ช่วงสอบเท่านั้นแหละ ที่หนูค่อนข้างจริงจัง เพื่อนๆเลยดูออก เอ๊ะ หรือว่าเพื่อนยังเด็ก ก็เลยไม่สนใจกันแน่นะ เอ๊ะๆๆ
กลับถึงบ้าน หนูก็โยนกระเป๋านักเรียนไว้บนเตียงนอนเลยค่ะ ไม่ใช่ว่าหนูไม่มีระเบียบนะคะ แต่พอดีมันหนักค่ะ ทุกเย็นวันศุกร์จะเป็นแบบนี้ประจำเลยค่ะ เพราะต้องแบกหนังสือทุกเล่มทุกวิชากลับมาบ้านค่ะ คือแบบหลังแทบหักเลยค่ะ
เอาจริงๆหนูก็ไม่เข้าใจนะคะว่า ทำไมไม่ให้เอาหนังสือไว้ในลิ้นชักโต๊ะเรียน จะบอกว่ากลัวหายเหรอคะ เออ ใครมันจะขโมยไปคะ ในเมื่อหนังสือก็มีเหมือนกันทุกคน ขโมยไปก็เอาไปทำอะไรไม่ได้ด้วย นอกจากจะเอาไปเรียน นี่หนูไม่เข้าใจจริงๆนะคะ
นี่ยังดีว่าโรงเรียนของหนูให้เอาไว้ในลิ้นชักได้ในวันจันทร์ ถึงวันพฤหัส แต่พอวันศุกร์ต้องขนกลับบ้านให้หมด แต่เอ๊ะ หรือว่าโรงเรียนอื่นเขาเอาไว้ในลิ้นชักที่โต๊ะได้ ไม่เอากลับบ้านกัน มีแต่โรงเรียนหนูที่ให้เอากลับบ้านกันนะ เอ๊ะๆๆ
"พรุ่งนี้พ่อมีธุระที่ชลบุรี ลูกจะไปเที่ยวทะเลมั้ย พ่อจะแวะไปส่งตอนเช้า แล้วตอนบ่ายๆก็จะแวะรับกลับบ้าน" โอ้โห ได้ยินคำว่าทะเลแล้วหูผึ่งเลยค่ะ คิดถึงบรรยากาศที่ชายหาด ลมแรงๆ เสียงคลื่นซ่าๆ แล้วก็โดดลงไปเล่นน้ำทะเลคลายร้อน แค่คิดก็ตื่นเต้นอยากไปมันซะตอนนี้เลยล่ะค่ะ
"ไปไม่ได้ค่ะ พอดีวันจันทร์มีสอบเก็บคะแนนวิชาวิทยาศาสตร์ค่ะ" แต่หนูก็อดไปทะเลค่ะ เพราะมีการสอบเก็บคะแนนขวางอยู่ จนบางทีก็เบื่อตัวเอง ไม่น่ารีบมีความคิดโตเกินวัยเลย
"เอ้า เหรอคะ ไม่เป็นไรนะ ไว้คราวหน้าละกัน เพราะช่วงนี้พ่อน่าจะต้องไปธุระที่ชลบุรีบ่อยอยู่เหมือนกัน" พ่อพูดคุยกับหนู และทุกคนในบ้านขณะที่ทานข้าวกันอยู่ ซึ่งพอพ่อพูดแบบนั้น มันก็ทำให้หนูรู้สึกดีขึ้นมามากทีเดียว ที่ยังมีโอกาสได้ไปทะเล
"ถึงจะตั้งใจอ่านหนังสือยังไง ก็อย่าลืมซักถุงเท้านะ เดี๋ยวคืนนี้แม่จะแช่ไว้ให้ แล้วพรุ่งนี้น่าจะซักง่ายขึ้น" กำลังนึกถึงทะเลอยู่ดีๆ แม่เบรคความคิดซะอย่างงั้น รู้สึกเหมือนวิ่งอยู่บนชายหาด แล้วสะดุดกะละมังซักถุงเท้าเลยค่ะ
พูดถึงถุงเท้า อันนี้หนูก็ไม่เห็นจะเข้าใจเลยค่ะ ทำไมต้องใส่ถุงเท้าสีขาวด้วย พวกคุณครูไม่รู้หรือไงว่า มันเปื้อนง่าย แล้วก็ซักยาก ทำไมไม่ให้ใส่ถุงเท้าสีดำ หรือสีน้ำตาลก็ได้ ไม่เข้าใจมากๆเลยค่ะ น่าเบื่อ เฮ้อ
"ค่ะ แม่ ไม่ลืมหรอก แต่ก็อาจจะสะอาดน้อยหน่อยนะคะ พอดีหนูต้องรีบอ่านหนังสือค่ะ" จริงๆมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับต้องรีบอ่านหนังสือหรอกค่ะ มันเกี่ยวกับความขี้เกียจและความเบื่อที่ต้องใช้เวลาซักนานนี่แหละค่ะ
ค่ำคืนวันศุกร์ผ่านไป โดยที่หนูไม่ได้อ่านหนังสือเลย เรียกได้ว่าเสียความตั้งใจในการอ่านหนังสือไปเพราะความง่วงซะอย่างงั้น ตอนแรกหลังจากทานข้าวเสร็จ ก็นั่งเล่นตุ๊กตาพักสมองอยู่แปปนึง แล้วก็ลุกไปอาบน้ำเพื่อความสบายตัว เพื่อให้สมองโล่งๆ แต่พอแต่งตัวเสร็จ หยิบหนังสือมาวางไว้บนเตียง แล้วก็ทิ้งตัวนอนคว่ำลงบนเตียงนอนตามหนังสือ แล้วก็วูบไปเฉยเลยค่ะ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่พี่ชายมาเรียก ตอนเที่ยงคืนกว่าซะอย่างนั้น ก็ต้องนอนต่อล่ะค่ะ ไม่อ่านมันแล้ว
"ซักดีๆสิลูก ค่อยๆหน่อยก็ได้ เลอะแข้งเลอะขาหมดแล้ว" คุณยายเดินมาที่หลังบ้าน ซึ่งเป็นที่ซักผ้าของบ้าน แล้วหนูก็กำลังซักถุงเท้าไปด้วย คิดอะไรเพลินๆไปด้วยค่ะ ทำให้ไม่มีสมาธิในการซักถุงเท้าสักเท่าไหร่ มันก็เลยเลอะเทอะไปหน่อย แต่มันก็ซักยากจริงๆนะคะ นี่ขนาดว่าแม่แช่ไว้ให้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะเนี่ย
"ค่ะ พอดีหนูคิดอะไรเพลินไปหน่อย เลยเลอะน่ะค่ะ แล้วนี่ตาไปไหนคะเนี่ย หนูยังไม่เห็นเลย" ปกติคุณตามักจะชอบเปิดทีวีเสียงดังอยู่ในบ้าน เพราะคุณตาหูไม่ค่อยดีแล้ว แต่วันนี้เงียบผิดปกติ จนต้องถามหาเลยทีเดียว
"ไปเที่ยวทะเลกับพ่อหนูโน้นแหละ" โห คุณยายตอบแบบนี้ หนูแทบคลั่ง อยากไปทะเลนะเนี่ย หรือคุณยายจะแกล้งหนู
หนูหันไปมองหน้าคุณยาย แล้วคุณยายก็ทำท่ามินิฮาร์ทให้ พร้อมกับยิ้มแบบกวนๆ โอย บ้านนี้มันจะอารมณ์ดี และบันเทิงอะไรขนาดนั้น
หลังจากที่ทานข้าวเช้า และซักถุงเท้าเสร็จแล้ว ก็เป็นเวลาที่หนูจะได้อ่านหนังสือสักที หนูเข้าห้องนอน หยิบหนังสือวิทยาศาสตร์มาอ่านอย่างตั้งใจ หนูใช้เวลาอ่านหนังสือไปเรื่อยๆอย่างเงียบสงบ ได้ความรู้เพียบเลยค่ะ จนเรียกว่าพร้อมที่จะสอบเก็บคะแนน เพื่อเอาคะแนนเต็มแล้ว
เที่ยงแล้ว ต้องหาอะไรทานแล้วล่ะ หนูอ่านหนังสือจบไปแล้ว 1 รอบ โดยตั้งใจว่าจะอ่านให้ครบ 4 รอบ ความรู้จะได้แน่นๆ พร้อมทำการสอบ แต่ก็ไม่หักโหมจนเกินไป ถึงเวลาพัก ก็ต้องพักนะ
"ป่ะ พี่ เตี๋ยว" หนูคุยกับพี่สั้นๆง่ายๆ เป็นอันเข้าใจกัน หนูโชคดีมากที่มีพี่ชายที่แสนดี ไม่เคยทะเลาะกันเลย ตามใจหนูแทบทุกอย่าง แต่ก็มีแกล้งหนูอยู่บ้างแหละ จะให้ดีไปหมดมันก็คงเป็นไปไม่ได้หรอก แล้วการแกล้งกัน มันก็สนุก ทำให้เราสนิทกันด้วยค่ะ
"เย็นนี้พี่จะไปเล่นเกมบ้านผึ้ง ไปด้วยกันมั้ย ได้ยินว่าผึ้งมีตุ๊กตาตัวใหม่ด้วยนะ" ระหว่างที่ทานก๋วยเตี๋ยวกันอยู่ พี่ก็ชวนไปบ้านผึ้ง ซึ่งก็เป็นเพื่อนในกลุ่มของหนูนั่นแหละค่ะ โดยผึ้งก็มีพี่ชายค่ะ แล้วพี่ชายของหนู กับพี่ชายของผึ้ง ก็เป็นเพื่อนกันค่ะ พี่หนูก็เลยไปเล่นเกมที่บ้านผึ้งอยู่บ่อยๆ
"ไปไม่ได้ ต้องอ่านหนังสือ เหลืออ่านตั้งสามรอบแน่ะ" หนูไปไม่ได้จริงๆ เพราะถ้าไปนะ รับรองว่ากลับมาอ่านหนังสือไม่ทันแน่ๆ เพราะพี่ไปเล่นเกมทีไร กลับมาเที่ยงคืนตลอดเลย เมื่อคืนก็กลับมาเที่ยงคืนกว่า จนมาปลุกหนูให้นอนดีๆนั่นแหละค่ะ
หนูผ่านคืนวันเสาร์ และวันอาทิตย์มาพร้อมกับความรู้ที่เต็มเปี่ยม พร้อมทำการสอบเก็บคะแนนแล้ว ทุกคนดูตื่นเต้นกับการสอบเก็บคะแนนครั้งนี้ แต่หนูไม่ตื่นเต้นเลย เพราะหนูรู้ว่า หนูต้องตอบได้อยู่แล้ว เลยไม่มีอะไรต้องตื่นเต้น หรือกลัวเลย
ถึงชั่วโมงเรียนของวิชาวิทยาศาสตร์ คุณครูก็เข้ามาสอนไปเรื่อยๆ จนทุกคนในห้องรู้สึกแปลกใจว่า ทำไมคุณครูยังไม่สอบเก็บคะแนน คุณครูสอนไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมง หัวหน้าห้องอดทนไม่ไหว ยกมือถามคุณครู
"ครูครับ วันนี้ครูจะสอบเก็บคะแนนไม่ใช่เหรอครับ"
"เออใช่ ครูลืมไปเลย เอางี้ๆ เลื่อนไปสอบวันศุกร์แทนก็แล้วกัน คราวนี้ครูไม่ลืมแน่ๆ" คุณครูตกใจมากกับคำถามของหัวหน้าห้อง ที่ถามเรื่องสอบเก็บคะแนน
หนูอยากจะบอกว่า คุณครูตกใจเรื่องสอบ แต่หนูเสียใจเรื่องที่ตั้งใจอ่านหนังสือจนไม่ได้เล่นโดดยาง จนไม่ได้ไปเล่นตุ๊กตาตัวใหม่ที่บ้านผึ้ง และที่เสียใจที่สุดคือ หนูอดไปเที่ยวทะเล อ๊ากกกกก คุณครูทำกับหนูแบบนี้ได้ยังไง ฮือๆๆๆ
"เบส หนูเป็นอะไรลูก ใครทำอะไรหนู บอกครูสิ ครูจะได้จัดการนะคะ" พอหนูร้องไห้ออกมา คุณครูก็ตกใจมาก รีบเข้ามาปลอบหนู แล้วก็ถามว่าใครทำอะไรหนู แหม ก็คุณครูนั่นแหละค่ะ แต่หนูจะพูดยังไงดีล่ะ
เฮ้อ เด็กก็คือเด็ก ก็ยังเด็กล่ะนะคะ ร้องไห้โชว์มันซะเลย แง๊
ต.ต้น
3 กุมภาพนธ์ 2564