ศัตรูตัวฉกาจ

        โลกในปี ค.ศ. 2xxx

       "เฮ้ย จะรีบไปไหนวะดล" ชายคนหนึ่งทักผม ในขณะที่ผมกำลังเร่งรีบที่จะไปทำเรื่องสำคัญมาก เรื่องคอขาดบาดตายเลยเดียว

       ผมคิดในใจ 'ยังจะยิ้มทักทายกันอยู่อีก ไม่รู้เลยหรือไง ว่าศัตรูบุกมาถึงที่นี่แล้ว'

       "อ่อ มีธุระสำคัญน่ะ รีบไปก่อนนะ" ผมรีบตอบกลับไป แล้วก็เดินผ่านไปอย่างเร่งรีบ โดยไม่หยุดเดินให้เสียเวลา เขาก็ทำได้แค่ทำหน้างง เพราะไม่เข้าใจว่า ทำไมผมต้องรีบขนาดนั้นด้วย

       ผมรีบเดินด้วยความเร็วระดับที่ลงแข่งขันเดินเร็วได้เลยทีเดียว ผมพยายามไม่วิ่ง เพื่อไม่ให้ผู้คนในบริษัทแตกตื่นมากเกินไป จริงอยู่ว่าผมเพิ่งบ่นชายคนเมื่อกี้ไปว่า ไม่รู้เลยรึไงว่าศัตรูบุกมาถึงที่นี่แล้ว แต่ผมก็ลืมคิดไปว่า นี่มันภารกิจลับสุดยอด ที่มีผมคนเดียวเท่านั้นที่รู้ และจัดการได้

       ผมรีบเดินจนมาถึงหน้าประตู กับอาการเหนื่อย และหอบเล็กน้อย แล้วก็มีเหงือไหลซึมออกมาบ้าง แต่ก็ไม่มากจนผิดสังเกต ผมไม่รอช้ารีบเปิดประตูทันที สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าทำให้ผมถึงกับกลัว แล้วก็เหงื่อเริ่มออกมากกว่าตอนแรกทันที เพราะภาพที่ผมเห็นก็คือ...

       "ตึ๊ง ตึ่ง" เสียงเตือนจากแอปพลิเคชันหนึ่งดังขึ้นจากโทรศัพท์ของผมที่วางไว้บนโต๊ะทำงาน ปกติผมจะปิดเสียงเตือนไว้ทุกครั้งที่มาทำงาน แต่วันนี้ผมลืมปิด ก็เลยต้องมาปิดเอาตอนที่มันมีเสียงเตือนขึ้นมานี่แหละครับ

       "ประชุมบ่ายโมง ที่ห้องประชุม 201 นะทุกคน" ข้อความในแอปพลิเคชันที่เตือนเมื่อกี้ คือการนัดประชุมของแผนกที่ผมทำงานอยู่ครับ ซึ่งแผนกของผมมีอยู่ประมาณ 40 คน จึงต้องใช้ห้องประชุมที่ใหญ่เป็นพิเศษ และก็ไม่บ่อยครั้งหรอกครับ ที่จะเรียกประชุมทั้งแผนกแบบนี้ นี่แสดงว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆเลย

       "เฮ้ย ดล มึงว่าหัวหน้าเรียกประชุมใหญ่แบบนี้ มันน่าจะเป็นเรื่องอะไรวะ" เพื่อนที่นั่งโต๊ะทำงานติดกันกับผมถามขึ้น เพราะมันก็คงสงสัยเหมือนกันว่า เรื่องอะไรกันนะ ที่ทำให้ต้องประชุมใหญ่กันแบบนี้

       "เดายากว่ะ ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว หรือทั้งเรื่องนอกแผนกที่กระทบกับแผนกเรา ก็อาจจะเป็นไปได้ทั้งนั้น" ผมเองก็เดาไม่ออกเหมือนกันครับ เพราะทุกเรื่องที่ว่ามา มันก็มีโอกาสเป็นประเด็นในการประชุมครั้งนี้ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น...

       เรื่องงาน ที่ตอนนี้งานของแต่ละคนค่อนข้างน้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่านั่งกันว่างๆนะครับ ก็คือ มีงานทำนั่นแหละ แต่ถ้าเทียบกับเมื่อก่อน มันก็น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด หรือเป็นไปได้ว่า เขาจะลดจำนวนคนกันนะ ถ้าแบบนั้นก็น่ากลัวอยู่ไม่น้อยเลย

       เรื่องส่วนตัว สำหรับเรื่องนี้เคยมีประเด็นมาแล้ว เพราะบางคนทำงานไม่ทัน หรือทำงานผลงานไม่ดี เพราะมัวแต่สนใจเรื่องส่วนตัว เช่น คุยในแอปพลิเคชั่นแชท ดูหนัง หรือแม้กระทั่งไปจับกลุ่มคุยกันเป็นเวลานานๆ จนงานไม่คืบหน้า

       เรื่องนอกแผนกที่กระทบกับแผนกก็มีนะครับ แม้จะเป็นเรื่องไม่ใหญ่มาก แต่ก็กระทบกับผลงานของแผนก ซึงมันก็คือ คนของแผนกอื่นมาขอให้คนในแผนกผมบางคนช่วยทำงานให้หน่อยครับ ในตอนแรกก็ไม่มีปัญหาอะไรนะครับ เพราะช่วยนิดเดียวก็เสร็จ แต่หลังๆมาเหมือนกลายเป็นว่า เรากลายเป็นลูกน้องของเขาไปซะอย่างนั้น ทำงานให้แผนกอื่นจนงานของแผนกตัวเองไม่ได้ทำเลยก็มีครับ

       "กูว่านะ เรื่องงานแน่นอน เพราะช่วงนี้งานน้อยลงเยอะเลย ระวังตัวกันไว้นะ" เพื่อนผมเดาว่าเรื่องงาน เพราะเรื่องนี้เด่นชัดที่สุดในตอนนี้แล้วครับ

       "ก็เป็นไปได้ แต่เราก็ยังมีงานทำกันอยู่ น่าจะหายห่วง แต่ไม่รู้คนอื่นเป็นยังไงกันบ้าง" ผมกับเพื่อนยังมีงานทำอยู่ในมือครับ ถึงมันจะน้อยลงก็เถอะ แต่ก็น่าจะปลอดภัย ไม่โดนเอาออกแน่ๆ...มั้งนะ

       ผมกับเพื่อนอีกหลายคนในแผนก จับกลุ่มคุยกันเรื่องที่จะต้องประชุมกันบ่ายนี้อยู่นาน จนหัวหน้าต้องเดินมาร่วมด้วย และพูดเพียงประโยคเดียว ถึงกับทำให้วงแตก ทุกคนต้องแยกย้ายกันเลยทีเดียวครับ โดยหัวหน้าพูดว่า...

       "เที่ยงกว่าแล้ว คุยอะไรกันอยู่ได้ ไปกินข้าว" เจอประโยคนี้เข้าไป ไม่วงแตกก็แปลกล่ะครับ เพราะยังไงก็ต้องรีบกินข้าวกัน ไม่งั้นประชุมบ่ายโมงไม่ทันกันแน่ๆ โดนหัวหน้าเล่นงานแน่ๆครับ

       "เอาล่ะนะทุกคน ที่เรียกประชุมแผนกกันวันนี้แบบครบทุกคน ก็เพราะมีเรื่องต้องชี้แจงกันนะ" หัวหน้ากล่าวทักทายทุกคนในห้องประชุม 201 ซึ่งอยู่บนชั้น 2 ของบริษัท ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลาบ่ายโมงตรงตามที่นัดหมายกันไว้ ทุกคนดูตั้งใจฟังกันอย่างมาก แต่ก็แฝงไว้ด้วยความกังวลว่าจะเป็นเรื่องงานหรือไม่

        "โดยเรื่องที่ว่าคือ เรื่องแมวที่บ้านผมคลอดลูก..แฮร่" หัวหน้าแผนกของผมค่อนข้างจะอารมณ์ดี และเป็นกันเองกับลูกน้องในแผนกมากครับ จึงไม่แปลกอะไรที่อยู่ๆจะเล่นมุกแก้เครียดขึ้นมาซะอย่างนั้น แต่ทุกคนก็ยังดูเครียดกันอยู่เหมือนเดิม เพราะกลัวเป็นการเล่นมุกให้สบายใจ แล้วตบซ้ำแบบเจ็บๆ

       "ดูเครียดๆกันนะทุกคน ไม่ต้องเครียดๆ ไม่ใช่เรื่องงาน และไม่ได้จะเอาใครออก สบายใจได้" หัวหน้าพูดประโยคนี้จบ บรรยากาศเปลี่ยนไป แทบจะเลี้ยงฉลองกันเลยทีเดียว เพราะทุกคนรู้สึกโล่งใจ เหมือนยกภูเขาออกจากอกนั่นแหละครับ

       "เรื่องที่ผมจะพูดวันนี้เป็นเรื่องส่วนตัวกันนะ ถึงจะไม่ต้องเครียดเท่าเรื่องงาน แต่ก็มีผลต่อการทำงานอยู่เหมือนกันนะ" จบประโยคนี้ บรรยากาศกลับมาอึมครึมอีกครั้ง แต่ก็ยังดูสบายๆกว่าตอนที่หัวหน้ายังไม่บอกว่าจะไม่เอาใครออก แต่ผมก็ยังคิดไม่ออกว่า เรื่องส่วนตัวอะไร แล้วทำไมเรื่องส่วนตัวถึงต้องเรียกมาทุกคน เพราะเท่าที่สังเกตดูในแผนก ทุกคนแม้จะงานไม่เยอะ แต่ก็ไม่ได้คุยในแอปพลิเคชั่นแชท หรือดูหนังเลยนะ

       "ตกใจใช่มั้ยที่ผมบอกว่าเรื่องส่วนตัว แต่ไม่ต้องห่วง ถึงจะกระทบต่อการทำงาน แต่ก็กระทบต่อการทำงานภายนอกแผนกมากกว่างานในแผนก" จังหวะนี้หัวหน้ามีน้ำเสียงเข้ม และจริงจังมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาผมรู้สึกสะดุ้งเลยทีเดียว และผมก็เห็นว่า เพื่อนๆอีกหลายคนในห้องประชุมก็สะดุ้งเหมือนกัน

       "เอาล่ะ ผมจะเริ่มยังไงดี ผมรู้ว่าตอนนี้ในแผนกงานน้อยลงนะ ทำให้บางคนก็ว่างบ้างเป็นพักๆ แต่การจะเอางานนอกแผนกมาทำในเวลางานของแผนก มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำ ผมพูดแบบนี้คงพอจะเข้าใจนะครับ" หัวหน้ายืนอยู่ตรงหน้าห้องประชุม พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมาก ทำเอาทุกคนเงียบกันหมดเลย รวมทั้งผมด้วยที่พูดไม่ออกเลย ไม่คิดว่าหัวหน้าจะรู้เรื่องที่ผมรับงานนอกเหมือนที่คนอื่นๆทำกัน

       "ดล นายเล่นเกม Big team รึเปล่า" เพื่อนสาวต่างแผนกมาทักทายผม ในขณะที่ผมกำลังเดินไปที่จอดรถของบริษัท เพื่อที่จะกลับบ้านในตอนเย็น

       "อ่อ เล่นสิ แต่เราอยู่ทีมของหัวหน้าแผนกแล้วนะ ทำได้แค่รับจ๊อบนะ สนใจมั้ย" ผมตอบคำถามของเธอ ทำให้เธอดูผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็สนใจในการรับจ๊อบของผมอยู่เหมือนกัน

       โดยเกมที่พูดถึงนี้ รูปแบบจะเป็นการสร้างทีมของเจ้าของทีม ในอาณาเขตที่อ้างอิงจากสถานที่จริงๆบนโลกใบนี้ แต่การจะสร้างอาณาเขตได้นั้น จะต้องเข้าไปอยู่ในสถานที่นั้นก่อน ซึ่งหัวหน้าแผนกของผม ก็คือเจ้าของทีม ที่สร้างอาณาเขตโดยใช้อาคารบริษัทเป็นที่ตั้ง และดึงลูกน้องทั้งแผนกเข้าเป็นสมาชิกในทีมนั่นเอง โดยการจะเป็นเจ้าของทีมนั้น ต้องจ่ายแพงพอสมควรเลย ในแผนกจึงมีแค่หัวหน้าเท่านั้น ที่ยอมจ่ายเพื่อเกมนี้

       เริ่มแรกที่เล่นเกม เราก็จะเล่นเป็นตัวละครที่เล่นได้อิสระเหมือนเกมทั่วๆไป แต่ถ้าอยากได้ไอเทมดีๆ ได้คะแนนไปอัพเกรดเยอะๆ ก็ต้องหาทีมเข้าครับ และก็แน่นอนล่ะว่า มีคนบังคับเข้าทีมอยู่ในแผนกแบบนี้ มันจะไปเหลืออะไรล่ะครับ เสร็จหัวหน้าหมดทุกคน

       ตัวเกมนั้น หลังจากสร้างอาณาเขตเสร็จแล้ว ก็จะมีศัตรูบุกมาโจมตีเรื่อยๆในสถานที่จริงๆครับ ซึ่งศัตรูพวกนี้จะเป็นบอทของเกม โดยคนในทีมก็ต้องช่วยกันป้องกันอาณาเขต ด้วยการไปสู้รบกับศัตรูตามที่ๆศัตรูบุกมา เช่น ถ้ามาที่ด้านหน้าบริษัท ก็ต้องไปที่ด้านหน้าบริษัทเพื่อรับมือ หรือถ้ามาที่มุมใดมุมหนึ่งของบริษัท ก็ต้องไปรับมือถึงที่นั่นครับ มันป็นเกมเสมือนจริง ที่ต้องไปสู้รบ ไม่ใช่นั่งอยู่กับที่ก็สู้ได้นั่นเอง

       สำหรับคนที่กำจัดศัตรูที่มาโจมตีอาณาเขตได้ ก็จะได้ไอเทมแปลกๆ และคะแนนเพิ่มมากขึ้นกว่าที่เล่นแบบไม่มีทีมครับ และถ้าใครไปรับจ๊อบป้องกันอาณาเขตให้ทีมอื่น ก็จะได้ไอเทมที่แปลกกว่าการป้องกันอาณาเขตของทีมตัวเอง และได้คะแนนเพิ่มเท่ากับตอนที่ป้องกันอาณาเขตของทีมตัวเองอีกด้วย หลายๆคนเลยรับจ๊อบป้องกันอาณาเขตให้ทีมอื่นด้วย และผมก็คือหนึ่งในนั้น ที่แอบรับจ๊อบ

       แต่การรับจ๊อบก็มีข้อเสียคือว่า ถ้าออกไปรับจ๊อบแล้ว จะต้องรอถึง 3 ชั่วโมง ถึงจะกลับเข้าอาณาเขตตัวทีมตัวเองได้ครับ ทำให้หลายๆครั้ง ไม่มีคนป้องกันอาณาเขต เพราะออกไปรับจ๊อบกันหมด เพื่อจะเอาไอเทมที่แปลกยิ่งขึ้น

       นอกจากตัวของคนเล่นจะได้ไอเทม และคะแนนแล้ว หากอาณาเขตได้รับการป้องกัน ก็จะได้คะแนนไว้อัพเครื่องมือป้องกันอัตโนมัติ หรือคะแนนปลดล็อคการตกแต่งอาณาเขตได้ แต่ถ้าป้องกันไม่ได้ ก็จะเสียคะแนนนั่นเอง ส่วนคนเล่นถ้าสู้แพ้ ก็จะไม่เสียอะไร แต่จะไม่ได้ของ แล้วก็โดนหัวหน้าบ่นแค่นั้นเองครับ

        เป้าหมายหลักของเกมนี้ก็เหมือนเกมทั่วไปครับ เพราะมีการจัดอันดับตัวละครที่เราเล่น และทีมนั่นเองครับ ยิ่งทีมไหนสมาชิกเยอะ สมาชิกเก่ง ก็จะยิ่งได้เปรียบ ทำให้หัวหน้าผมจับลูกน้องเข้าทีมทั้งแผนกนี่แหละครับ

       เกมนี้ก็ไม่ได้สนุกอะไรมากมายนะครับ แต่ก็แปลกที่คนเล่นเยอะมาก คงเป็นเพราะมันใช้สถานที่จริงเล่น แล้วต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาล่ะมั้ง ว่าศัตรูจะมาทางไหน เพราะถ้าไม่ตื่นตัวไว้ตลอด มีหวังอาณาเขตถูกโจมตีแน่นอนครับ

       หลังจากที่เพื่อนสาวสนใจจ้างผมรับจ๊อบ มีเหรอที่ผมจะไม่รับ เพราะถ้ายิ่งได้สู้เยอะ ก็จะได้ไอเทม ได้คะแนนเยอะไปด้วย ถึงแม้ว่ามันจะเสี่ยงที่ต้องออกจากอาณาเขตของทีม แล้วอาณาเขตของทีมโดนโจมตีก็เถอะ แต่มันก็น่าลอง อ่อ ลืมบอกไปว่า 1 คนสามารถเข้าได้ 1 ทีม และสามารถรับจ๊อบได้แค่ 1 ที่เท่านั้นครับ

       "ผมอยากจะให้ทุกคนลดการรับงานนอกลงบ้าง แล้วหันมาตั้งใจทำงานในแผนก เพราะแผนกเราเล่นเกมกันทั้งแผนก รับจ๊อบกันทั้งแผนก แล้วเดินไปเดินมาจนผู้บริหารเริ่มจะไม่พอใจแล้วนะ" พูดถึงตรงนี้ทุกคนก็โล่งใจ เพราะที่ว่ารับงานนอก ก็นึกว่างานจริงๆ แต่เป็นงานในเกมต่างหาก

       "ส่วนงานจริงๆน่ะ รับทำไปเถอะ ผมไม่ว่าหรอก เพราะผมรู้ว่าพวกคุณก็ว่างมากพอที่จะหารายได้เสริมแหละ ใช่มั้ย" หัวหน้าพูดไปยิ้มไป ก็เพราะหัวหน้าเป็นแบบนี้แหละครับ ลูกน้องในแผนกถึงได้รัก แล้วก็ให้ความเคารพอย่างมาก

       แต่ระหว่างที่หัวหน้ากำลังพูดเรื่องอื่นต่อไปนั้นเอง ก็มีสัญญาณเตือนขึ้นที่ตัวผม ซึ่งสัญญาณนี้ผมเท่านั้นจะได้รับรู้ ผมต้องลุกไปแล้ว แต่ผมจะทำยังไงดี ในเมื่อหัวหน้าเพิ่งพูดเรื่องรับงานนอกให้น้อยลงหน่อย เพราะไม่อยากให้คนในแผนกเดินไปเดินมาบ่อยเกินไป

        ผมก้มมองที่มือของตัวเอง ผมกำหมัดแล้ว ผมต้องลุกแล้ว ไม่งั้นศัตรูอาจจะทำลายอาณาเขตได้ ผมรวบรวมความกล้า ตัดสินใจลุกขึ้นช้าๆ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาเดินออกประตูห้องประชุมมา โดยที่ไม่มองหัวหน้า และก็โชคดีมากที่หัวหน้าไม่ทักผมเลย

       ผมรีบเดินไปต่อทันที เพราะรู้ว่าศัตรูใกล้เข้ามาแล้ว จนมีคนทักผมว่า ผมจะรีบไปไหน แต่ผมก็ใม่ตอบ จนผมรีบเดินด้วยความเร็วระดับที่ลงแข่งขันเดินเร็วได้เลยทีเดียว ผมพยายามไม่วิ่ง เพื่อไม่ให้ผู้คนในบริษัทแตกตื่นมากเกินไป

       ผมรีบเดินจนมาถึงหน้าประตู กับอาการเหนื่อย และหอบเล็กน้อย แล้วก็มีเหงือไหลซึมออกมาบ้าง แต่ก็ไม่มากจนผิดสังเกต ผมไม่รอช้ารีบเปิดประตูทันที สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าทำให้ผมถึงกับกลัว แล้วก็เหงื่อเริ่มออกมากกว่าตอนแรกทันที เพราะภาพที่ผมเห็นก็คือ ห้องน้ำทั้ง 2 ห้องมีคนใช้อยู่

       ตอนนี้ศัตรูบุกหนักมาก ผมขนลุกไปหมดแล้ว อยากจะปล่อยมันซะตรงนี้เลย แต่ก็ทำไม่ได้ ผมต้องรีบเดินไปที่ห้องน้ำของชั้น 1 แทน แล้วก็ต้องลุ้นด้วยว่า มันจะว่างหรือไม่

       ผมรีบลงบันไดมาอย่างรวดเร็ว แต่พอถึงพื้นชั้น 1 ผมต้องค่อยๆเดินแทน เพราะจากการที่รีบลงบันได ทำให้ศัตรูบุกประชิดยิ่งขึ้น ผมต้องสู้รบกับมันด้วยการเดินเบาๆช้าๆสักแปปหนึ่ง

       พอผมผลักดันศัตรูไปได้สำเร็จแล้ว คราวนี้ผมรีบเดินอีกครั้ง น่าแปลกใจมากที่เหงื่อผมออกเยอะมาก ทั้งๆที่แอร์ในบริษัทก็เย็นไม่น้อยเลย ผมรีบเดินไปที่ห้องน้ำของชั้น 1 โดยหวังว่าห้องน้ำที่ชั้น 1 ทั้ง 4 ห้องมันจะว่าง

       'ซวยแล้ว 4 ห้องก็ยังเต็มหมดอีก โอยยยย อะไรมันจะซวยขนาดนี้' ผมคิดในใจดังๆ หลังจากที่มาถึงห้องน้ำชั้น 1 แล้ว แต่มันก็ยังเต็มหมดเลย โดยความหวังเดียวของผมที่เหลือคือ ห้องน้ำชั้น 1 อีกฝั่งของตึก ผมไม่รอช้า คราวนี้ไม่เดินเร็วแล้วครับ วิ่งเหยาะๆแทนแล้วครับ ไม่งั้นผมอาจจะพ่ายแพ้ศัตรูก็ได้

        'โอ้ว สวรรค์ทรงโปรด ว่าง 1 ห้องพอดีเลยจากทั้งหมด 4 ห้อง' ผมถึงห้องน้ำอีกฝั่งของตึก และยังโชคดีที่ยังมีว่างอยู่ 1 ห้องพอดี ผมไม่รอช้ารีบเข้าไป ปิดประตู และถอดกางเกงในแทบไม่ทัน อ่อ ผมลืมบอกไปว่า ยุคนี้การแต่งตัวเปิดกว้างแล้วครับ ผู้ชายใส่กระโปรงเป็นแฟชั่นกันเลย บางคนก็ใส่บราด้วยนะครับ

       ผมไม่รอช้า ปล่อยศัตรูชุดใหญ่ออกไปแบบไม่มีกั๊กครับ "ตูมมมมมม" เพียงตูมเดียว อีก 3 ห้องที่เหลือ รีบล้างตูด หนีออกไปเลยครับ เอ๊ะ นี่ผมทำอะไรผิดรึเปล่า

       อ่านมาถึงตรงนี้ก็คงว่า เรื่องสั้นนี้มันเป็นอะไรกันสินะครับ ตกลงจะเล่าเรื่องอะไรกันแน่ เรื่องงาน เรื่องหัวหน้า เรื่องเกม หรือเรื่องศัตรูของผมกันแน่ เอาเป็นว่า ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้จะดีกว่าครับ เพราะผมยังต้องสู้กับศัตรูอีกพอสมควรเลย ไปล่ะครับ ฮึ๊บ!!!